หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 13


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์' ที่'A+' แนวโน้ม'Stable'

 

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A+’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสำหรับผู้มีรายได้สูงของประเทศไทย ตลอดจนชื่อเสียงซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในกลุ่มผู้ป่วยภายในประเทศและต่างประเทศ

      และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทจากความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงและภาระหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำมาก อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีโรงพยาบาลหลักเพียงแห่งเดียวและสภาพเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่อ่อนแอลงซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่ลดลงและจากการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพภายในประเทศ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง

      บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทยซึ่งให้บริการทางการแพทย์ระดับสูงด้วยบริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนมากแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีรายได้สูงทั้งที่เป็นผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการด้านสุขภาพจำนวนทั้งสิ้น 1.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่สองของกลุ่มผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีของรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยที่ระดับประมาณ 5% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 10% ในระหว่างปี 2557-2561

      ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทน่าจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในช่วงระยะปานกลางถึงระยะยาว ความสามารถในการสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งและมั่นคงของบริษัทเกิดจากการมีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่รู้จักและมีผลงานทางการแพทย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับ บริษัทยังคงลงทุนด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรักษาคุณภาพการให้บริการไว้ในระดับสูง และพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนสูง เมื่อประกอบกับผู้ป่วยที่มารับบริการทางการแพทย์ด้วยโรคที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นแล้วก็จะทำให้ค่าบริการต่อการรักษาผู้ป่วย 1 รายสูงขึ้นได้และยังช่วยเพิ่มอัตราการใช้งานของเครื่องมือทางการแพทย์ให้สูงขึ้นอีกด้วย ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าความรุนแรงของโรคจะยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตของรายได้ของบริษัทต่อไป

คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

     ตราสัญลักษณ์ 'โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล'เป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างกว้างขวาง โดยบริษัทเป็นที่รู้จักอย่างดีในการให้บริการทางแพทย์ระดับตติยภูมิขั้นสูงและการรักษาโรคเฉพาะทาง ทั้งนี้ รายได้ประมาณ 65% ของรายได้รวมของบริษัทมาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ ซึ่งรายได้จากผู้ป่วยจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางคิดเป็นสัดส่วน 21%-23% ของรายได้รวมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ป่วยจากภูมิภาคอินโดจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันโดยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2561 สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดผู้ป่วยชาวต่างชาติเกิดจากการที่บริษัทมีชื่อเสียงในด้านบริการทางการแพทย์และมีราคาค่าบริการที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลในประเทศที่พัฒนาแล้ว

     ทริสเรทติ้ง มองว่าสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่สูงนั้นช่วยกระจายแหล่งรายได้ของบริษัท อีกทั้งยังลดการพึ่งพาความต้องการภายในประเทศลงอีกด้วย โดยจะเห็นได้ว่าแม้รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยจะลดลงโดยตลอดในช่วงปี 2561 จนถึงเดือนมิถุนายน 2562 จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่รายได้รวมจากการให้บริการทางการแพทย์ของบริษัทก็ยังคงเติบโตได้โดยมีแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติ นอกจากนี้ จำนวนของผู้ป่วยชาวต่างชาติยังช่วยทำให้เกิดการประหยัดจากขนาดด้วยเนื่องจากต้นทุนดำเนินงานของโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยต่างชาตินั้นค่อนข้างสูง

       แม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอลงและจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มาเยือนประเทศไทยจะลดลง แต่รายได้จากการรักษาผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางของบริษัทยังคงเติบโตในปี 2561 โดยเพิ่มขึ้น 7.0% จากปี 2560 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 อีก 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ รายได้จากผู้ป่วยจากภูมิภาคอินโดจีนก็เพิ่มขึ้น 5.4% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจากผู้ป่วยชาวต่างชาติจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ความเสี่ยงจากการมีโรงพยาบาลหลักเพียงแห่งเดียว

      สถานะเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการมีความเสี่ยงเรื่องสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลหลักที่มีเพียงแห่งเดียว บริษัทสร้างรายได้เกือบทั้งหมดจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากการลงทุนในโรงพยาบาล Ulaanbaatar Songdo ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนในประเทศมองโกเลียนั้นยังคงมีเพียงเล็กน้อยและอาจไม่สามารถเติบโตได้มากนักในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความเสี่ยงจากการมีโรงพยาบาลหลักเพียงแห่งเดียวจะยังคงมีอยู่ในช่วงระยะปานกลาง เมื่อพิจารณาจากอัตราเฉลี่ยของการใช้บริการของผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลักของบริษัทในปี 2561 ที่ระดับ 62.4% แล้วคาดว่าจำนวนเตียงคงเหลือจะยังสามารถรองรับปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้ในตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ขนาด 200 เตียงบนที่ดินที่ถนนเพชรบุรี กรุงเทพฯ นั้นคาดว่าน่าจะเลื่อนออกไปจนถึงปี 2565 หรือจนกว่าจะมีความต้องการเตียงเพิ่มขึ้นในอนาคต

      อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนจะขยายพื้นที่การรักษาพยาบาลหลักในปัจจุบันไปยังถนนสุขุมวิท ซอย 1 เพื่อบรรเทาความแออัดของพื้นที่โรงพยาบาลหลัก สำหรับโครงการบนถนนสุขุมวิท ซอย 1 นั้น บริษัทจะพัฒนาเป็นอาคาร 3 หลัง โดยอาคารแรกจะเป็นที่จอดรถ อาคารที่ 2 จะเป็นศูนย์อบรมบุคลากร และอาคารที่ 3 จะเป็นคลินิกผู้ป่วยนอก บริษัทคาดว่าจะเริ่มโครงการบนถนนสุขุมวิท ซอย 1 ได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 บริษัทยังวางแผนจะขยายพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกด้วยการปรับเปลี่ยนบางส่วนของพื้นที่ในโรงพยาบาลและปรับปรุงพื้นที่ในบางชั้นของอาคารให้เป็นพื้นที่บริการทางการแพทย์ นอกจากนี้ บริษัทยังจะขยาย “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์” (Vitallife) ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัยไปยังพื้นที่ในตำบลบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนเมษายน 2563 อีกด้วย

      บริษัทวางแผนค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งสิ้นที่ประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2562-2565 ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวรวมการลงทุนบนถนนสุขุมวิท ซอย 1 จำนวน 2.4 พันล้านบาท ค่าปรับปรุงและก่อสร้างในส่วนพื้นที่หลักของโรงพยาบาล 2.3 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกปีละ 1.2-1.6 พันล้านบาท ส่วนงบประมาณสำหรับการขยายโรงพยาบาลใหม่บนถนนเพชรบุรีนั้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 8.2 พันล้านบาท

การแข่งขันที่รุนแรงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

       ทริสเรทติ้ง คาดว่าภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวจะส่งผลทำให้จำนวนผู้ป่วยชาวไทยลดลงและยังคาดว่าจะมีโรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้นใหม่อีกหลายแห่งในช่วงระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โรงพยาบาลเอกชนยังต้องแข่งขันกับโรงพยาบาลในต่างประเทศโดยเฉพาะโรงพยาบาลในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย

     อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าประเทศไทยจะยังคงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากปัจจัยสนับสนุนที่รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งนี้ จำนวนชาวต่างชาติโดยเฉลี่ยที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคนต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งประเทศไทยยังรายงานด้วยว่าการให้บริการทางการแพทย์แก่ชาวต่างชาติในประเทศไทยสร้างรายได้ราว 3.22 หมื่นล้านบาทในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 18% จากปี 2560 ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ได้อนุมัติให้วีซ่านาน 90 วันแก่ผู้ป่วยและนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากประเทศจีนและจากประเทศเพื่อนบ้านของไทยด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจากภูมิภาคเอเซียตะวันออกและอินโดจีนที่ต้องการใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า

       แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงซบเซา แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่ารายได้ของบริษัทในระยะ 3 ปีข้างหน้าจะยังคงเติบโตได้เล็กน้อย โดยประมาณการว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.86-1.92 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อน ได้แก่ บริการใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัยและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ ตลอดจนความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มสูงขึ้น และจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะเพิ่มความพยายามในการให้บริการการรักษาพยาบาลที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นรวมทั้งจะขยายฐานคนไข้ให้มากขึ้นด้วยการแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ

สถานะทางการเงินแข็งแกร่งจากความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับสูงและภาระหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำมาก

     ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะยังคงมีกำไรที่แข็งแกร่งต่อไป โดยความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 34.2% ในปี 2561 ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรของคู่แข่งในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยที่ระดับประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 31.2% อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวและจากการตั้งประมาณการหนี้สินสำหรับผลประโยชน์พนักงานกรณีเลิกจ้าง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในช่วง 31%-32%

       นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีสถานะทางการเงินเป็นเงินสดสุทธิ (Net Cash Position) โดย ณ เดือนมิถุนายน 2562 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 8.43 พันล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 4.80-5.20 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2565 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 3.23 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2562 จากระดับ 4.24 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 เนื่องจากบริษัทมีการชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดและไม่มีเงินลงทุนก้อนใหญ่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระและใช้ในการลงทุนขนาดใหญ่ได้ โดยความต้องการใช้เงินทุนของบริษัทในระยะ 3 ปีข้างหน้าจะประกอบไปด้วยเงินลงทุนตามแผนประมาณ 2.8-7.5 พันล้านบาทต่อปีและเงินชำระหนี้หุ้นกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในปี 2564 จำนวน 2.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลอีกปีละประมาณ 1.90-2.20 พันล้านบาทอีกด้วย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • • รายได้ของบริษัทจะเติบโตเล็กน้อยที่ระดับประมาณ 1%-2% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
  • • อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 31%-32% ต่อปีในช่วงปี 2562-2565
  • • บริษัทจะใช้เงินลงทุนโดยรวมประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2562-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

     แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่า บริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสำหรับคนไข้ที่มีระดับรายได้สูงเอาไว้ได้และจะยังคงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไป โดยปริมาณเงินสดคงเหลือที่สูงและกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินในช่วงที่มีการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคต

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจและทำเลที่ตั้งในขณะที่ยังคงสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ในขณะที่โอกาสในการปรับลดอันดับเครดิตมีจำกัดในช่วงระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทถดถอยลงอย่างมากจากระดับปัจจุบันซึ่งจะส่งผลทำให้สถานะทางการตลาดลดลงและความสามารถในการทำกำไรอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป  26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

BH21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

      บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

     ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

ais 790x90GC 950x120

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!