หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
SET24
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ซึมในช่วงรอดูความชัดเจนเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนในสัปดาห์นี้
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะซึม ๆ เพื่อรอดูหลายปัจจัยในสัปดาห์นี้ อย่างเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะมีการประชุม 10-11 ต.ค.นี้ ซึ่งล่าสุดทางสหรัฐฯว่าจะมี Surprise แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะเป็นบวกหรือลบ นอกจากนี้ตัวเลขการจ้างงานอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงสิ้นเดือนนี้ ส่งผลให้ดาวโจนส์พุ่งแรงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ส่วนอัตราว่างงานของสหรัฐฯก็ออกมาต่ำสุดในรอบ 50 ปี ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ก็ไม่ค่อยตอบรับเท่าไร โดยดัชนีฯมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย
บ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ รอดูว่าภาคการท่องเที่ยว และการส่งออก จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเพิ่มหรือไม่ และมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" เฟส 2 จะมีหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,616 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,573.72 จุด พุ่งขึ้น 372.68 จุด (+1.42%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,952.01 จุด เพิ่มขึ้น 41.38 จุด (+1.42%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,982.47 จุด เพิ่มขึ้น 110.21 จุด (+1.40%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 35.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.12 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ และตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลชงโหย่ง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ต.ค.62)  1,605.96 จุด ลดลง 4.73 จุด (-0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,731.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ต.ค.62) ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ต.ค.) อยู่ที่ 6.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.45 แนวโน้มแข็งค่า หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน
- "ธนินท์" ระบุไฮสปีดเทรนเป็นโครงการมีโอกาส จี้รัฐร่วมรับความเสี่ยงกับเอกชน ด้านคณะกรรมการคัดเลือกฯ ชี้ "ซีพี" รอดขึ้นแบล็คลิสต์ผู้ทิ้งงาน เหตุโครงการพีพีพีไม่เข้าหลักเกณฑ์พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ชี้หากขึ้นบัญชีดำเท่ากับขึ้นบัญชีหน่วยงานรัฐด้วย ขณะที่ รฟท.ส่งหนังสือแจ้ง "ซีพี" ลงนามไฮสปีด 15 ต.ค.นี้
- คลังปลื้มคนแห่ลงทะเบียน"ชิม ช้อป ใช้"เฟสแรกครบ 10 ล้านคน เรียบร้อย แต่ยังเปิดให้ลงทะเบียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีการใช้สิทธิครบ 10 ล้านคน ระบุมีแค่ 4 ล้านกว่าคน ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ แต่สัปดาห์แรกมีผู้มาใช้จ่ายเพียง 1.25 ล้านคน พร้อมเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง สรุปแนวทาง "ชิม ช้อป ใช้" เฟส 2 ก่อนชง ครม. 15 ต.ค.นี้ แต่อาจเปลี่ยนเวลาลงทะเบียนใหม่เป็นช่วงกลางวัน แย้มอาจเปิดกระเป๋าช่องที่ 3 จูงใจประชาชนควักเงินซื้อของ ขณะที่นิด้าโพลเผยผลสำรวจประชาชนเกินครึ่งไม่ลงทะเบียน "ชิมช้อป ใช้" เหตุระบบและขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ส่วนใหญ่แนะให้ปรับปรุงหรือไม่ก็ยกเลิกโครงการไปเลย
- ตลาดหลักทรัพย์ ร่อนหนังสือเวียนถึงโบรกเกอร์ เตือนระวังการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไม่เหมาะสม ห่วงเข้าข่ายการปั่นหุ้น ย้ำมีความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์ "ภากร" แจงเพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน หลังพบบางรายกระทำผิด
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าสูงสุด IAA Consensus 9.4 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2 ปี 62/63 (ก.ค.-ก.ย.62) น่าจะกลับมาเติบโตทั้ง qoq และ yoy จากการฟื้นตัวดีขึ้นในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะ Packaging และ Aeroklas ซึ่งได้ผลบวกจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ลดลง (HDPE, PP, PET) และยังมีแนวโน้มจะลดลงอีกตามราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท แม้ราคาปลาทูน่าจะอ่อนตัวลงซึ่งเอื้อต่อการทำกำไรของุรกิจแบรนด์และควบคุมรายจ่ายได้ดี แต่สู้บาทแข็งไม่ไหวทำให้กำไรปกติ Q3/62 ไม่สดใสเท่าที่ควร โดยคาด 1.44 พันล้านบาท -9% Q-Q, -11% Y-Y ทั้งที่เป็น high season แนวโน้มกำไร Q4/62 จะแผ่วลงตาม low season ทั้งหมดนี้อยู่ในประมาณการกำไรทั้งปีที่คาด 5.4 พันล้านบาท +35% Y-Y (การเติบโตหลักอยู่ใน Q2/62) และคาดปีหน้า +12% Y-Y
- ADVANC (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 230 บาท กระแสเงินสดแกร่ง/ปันผลดี โดยกำไรสุทธิ Q3/62 ประเมินที่ราว 9.2 พันล้านบาท (+36% YoY, +19% QoQ) จากการแข่งขันชะลอตัวทำให้รายได้โตและการทำ handset subsidy มีน้อยลง ด้านราคาหุ้นไม่แพง หากพิจารณาราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ที่ระดับ 21.5 เท่า/ROE 45% / Div. Yield 3.2%
--อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!