หมวดหมู่: เศรษฐกิจทั่วไป

7848 TIA


TIA ปลื้ม!! Class Action สัญจรอุบลราชธานีคึกคัก ทนายความอาชีพอีสานใต้เข้าอบรมร่วม 200 คน

          สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) จัด Class Action สัญจรครั้งที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี คึกคัก ทนายความอาชีพ อีสานใต้ 200 คนร่วมอบรม การดำเนินคดีแบบกลุ่มคดีเกี่ยวกับหลักทรัพย์ รับข้อมูลและแนวทางปฏิบัติตรงจากผู้พิพากษาศาลสูง อบรมจบรับวุฒิบัตรทันที ใช้เป็นใบเบิกทางเข้าสู่ทนายความอาชีพที่ผ่านการอบรมความรู้คดีด้านตลาดทุน 

          คุณยิ่งยง นิลเสนา นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคลทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน ที่อยู่คู่ตลาดทุนไทยมากว่า 35 ปี เปิดเผยว่า สมาคมยังคงเดินหน้าให้ความรู้เรื่องการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 จัดที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทนายความภาค 3 ครอบคลุม 8 จังหวัดประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี, จังหวัดยโสธร, จังหวัดอำนาจเจริญ, จังหวัดศรีสะเกษ, จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดชัยภูมิ จากที่ผ่านมาดำเนินการมาแล้ว 4 จังหวัด และยังคงได้รับความสนใจจาก ทนายความอาชีพเข้าร่วมอบรมเกือบ 200 ราย ซึ่งรวมกับการสัญจรที่ผ่านมา มีทนายความอาชีพ ผ่านการอบรมแล้ว กว่า 700 คน

          คุณสิริพร จังตระกูล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า การจัดสัญจรปีนี้ ทาง TIA ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณทั้งหมดจาก กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เป้าหมายของการจัดสัญจรให้ความรู้เชิงลึกทั้งทางทฤษฎีและแนวทางปฎิบัติและการนำมาใช้ในอาชีพจริง ให้กับทนายความอาชีพทั่วประเทศไทย ในการนำกฎหมาย Class Action มาใช้ในตลาดทุนไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการดูแลและปกป้องนักลงทุน ดังนั้นการเติมความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนสำคัญให้การบังคับใช้กฏหมายมีประสิทธิภาพ 

          เลขาธิการ TIA กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนความคืบหน้าในการยกร่างศูนย์ให้ความช่วยเหลือ มีความคืบหน้ามากและคาดว่า จะยกร่างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ และเป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ที่ให้มีศูนย์ฯเพื่อดูแลช่วยเหลือนักลงทุน 

          คุณวีระศักดิ์ บุญเพลิง ประธานกรรมการบริหาร สภาทนายภาค 3 กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ TIA ที่มาสัญจรภาคอีสาน นำความรู้มาเผยแพร่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว และทนายความอาชีพ สามารถนำความรู้ที่เกิดขึ้นจากการอบรม มาใช้เป็นประโยชน์ในอาชีพ และเป็นไปตาม MOU ที่สภาทนายความฯ ได้ทำไว้ กับทาง TIA ซึ่งการจัดสัญจรให้ความรู้ จะเป็นการพัฒนาความรู้ทางด้านวิชาการ นำความรู้ไปคุ้มครองประชาชน ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งจากคดีที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน คดีคุ้มครองผู้บริโภคและคดีสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำกฎหมาย Class Action ไปใช้ได้ และทำให้ทนายความมืออาชีพมีความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพได้

          ท่านพงษ์เดช วานิชกิตติกูล รองประธานศาลอุทธรณ์ และช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้บรรยายให้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคดีกลุ่มกับทนายอาชีพที่เข้าร่วมอบรม ว่าบทบาทของกฎหมาย Class Action จะมีความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ ที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งประเทศไทยเรามีกฎหมายนี้มาตั้งแต่ปี 2558 ดังนั้นการที่ TIA จัดโครงการอบรมถือเป็นเรื่องที่ดี และกฎหมายแรื่องหลักทรัพย์ถือว่าดีและมีประโยชน์มากเพราะดูแลคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยได้ 

          อย่างไรก็ตามคดีที่จะเข้าลักษณะการดำเนินคดีแบบกลุ่ม คือ สิทธิผู้บริโภค, หลักทรัพย์และการแข่งขันทางการค้า, สิ่งแวดล้อม, คดีละเมิดที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก และสิทธิพลเมือง เป็นต้น

          ขณะที่กลุ่มบุคคลที่จะเข้าลักษณะการดำเนินคดีแบบกลุ่ม คือบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปไม่จำกัดจำนวนสูงสุด สิทธิเรียกร้องต่อจำเลยต้องเหมือนกัน อาศัยข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายเดียวกัน ความเสียหายของแต่ละคนไม่เหมือนและไม่เท่ากันได้

          “นับตั้งแต่เริ่มที่จะดำเนินคดีแบบกลุ่มขอแนะนำให้ทำรายละเอียดทั้งหมดของกลุ่มบุคคลที่เข้ามา และทำรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทำคดีทั้งหมด เพราะเมื่อถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม ประเด็นเหล่านี้ก็ต้องพร้อมที่จะเปิดเพื่อการพิจารณา เพราะตามกฎหมายนั้นผลตอบแทนของคดีที่จะได้รับ 30% ของมูลฟ้องนั้นทนายความจะต้องถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด”

          ท่านสรวิศ ลิมปรังษี ผู้พิพากษา หัวหน้าศาล ประจำสำนักประธานศาลฎีกา กล่าวว่า คดีหลักทรัพย์มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะความเสียหาย 

          นอกจากนี้คดีเกี่ยวกับการหลอกให้ลงทุนในคริปโท แบบไม่ได้รับอนุญาตก็สามารถเข้ามาสู่การดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ ซึ่งกรณีนี้ได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาแล้ว 

          อย่างไรก็ตามอีกประเด็นที่สำคัญ ผู้ที่จะเป็นโจทก์และเป็นสมาชิกกลุ่มจะต้องเก็บเอกสารที่เกิดขึ้นในคำสั่งซื้อขายไว้เป็นหลักฐานด้วย

          นอกจากนี้การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะมีประโยชน์โดยรวมมากเพราะเป็นการดำเนินการครั้งเดียวแต่คำพิพากษาจะครอบคลุมทั้งหมด ทั้งผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกกลุ่มและไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม บนสิทธิ และข้อเท็จจริงเหมือนกัน ภายใต้หลักกฎหมายเดียวกัน รวมทั้งมีระยะเวลาที่เร็วกว่าและค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการดำเนินคดีตามขบวนการตามปกติ

          อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีหลักทรัพย์ การแบ่งกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญมากในการทำคดีซึ่งในกรณีซื้อขายหลักทรัพย์จะแบ่งได้ 3 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่เข้าซื้อหุ้น และยังคงถือหุ้นอยู่เต็มจำนวนที่ซื้อ 2. คนที่เข้าซื้อก่อนและระหว่างทางมีการขายออกแต่ไม่ได้ขายทั้งหมดและยังมีหุ้นถืออยู่ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีความยากในการคิดและประเมินมูลค่า และ 3. ขายหุ้นออกทั้งหมดแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนิติบุคคลที่เข้าลงทุนหุ้นที่มีปัญหาซึ่งกลุ่มนี้จะมีการจัดการเพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการจัดการก่อนเมื่อเห็นว่าเกิดปัญหา 

          นอกจากนี้ในการประชุมร่วมกันระหว่างศาลในอาเซียนมีการคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนและขอข้อมูลระหว่างกันเพราะมีการกระทำผิดที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น เช่น กรณีซิปแม็ก เป็นต้น

 

 

7848

Click Donate Support Web 

TOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!